วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ไม้ดอก

1.ทิวลิป




            ทิวลิป เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของฮอลแลนด์ มีอยู่หลายสี ดอกทิวลิปจะปลูกได้ต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสม คือไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส แม้ว่าทิวลิปจะเป็นดอกไม้ที่ทำให้นึกถึงฮอลแลนด์ แต่ทั้งดอกไม้และชื่อมีที่มาจากจักรวรรดิเปอร์เชีย ทิวลิปหรือ “lale” เช่นเดียวกับที่เรียกกันในตุรกี เป็นดอกไม้ท้องถิ่นของตุรกี, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และบางส่วนของเอเชียกลาง แม้ว่าจะไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้นำทิวลิปเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปแต่ที่สำคัญคือตุรกีเป็นผู้ทำให้ทิวลิปมีชื่อเสียงที่นั่น เรื่องที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือ Oghier Ghislain de Busbecqไปเป็นราชทูตของสมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในราชสำนักของสุลต่านสุลัยมานมหาราชแห่งจักรวรรดิออตโตมันในปี ค.ศ. 1554 Busbecq บรรยายในจดหมายถึงดอกไม้ต่างๆ ที่เห็นที่รวมทั้งนาร์ซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์ และทิวลิปที่ดูเหมือนจะบานในฤดูหนาวที่ดูเหมือนผิดฤดู (ดู Busbecq, qtd. in Blunt, 7) ในวรรณคดีเปอร์เชียทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่ต่างก็ให้ความสนใจกับดอกไม้ชนิดนี้ คำว่า “tulip” ที่ในภาษาอังกฤษสมัยแรกเขียนเป็น “tulipa” หรือ “tulipant” เข้ามาในภาษาอังกฤษจากฝรั่งเศสที่แผลงมาจากคำว่า “tulipe” และจากคำโบราณว่า “tulipan” หรือจากภาษาลาตินสมัยใหม่ “tulpa” ที่มาจากภาษาตุรกี “tlbend” หรือ ผ้ามัสลิน” (ภาษาอังกฤษว่า “turban” (ผ้าโพกหัว) บันทึกเป็นครั้งแรกในภาษาอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และอาจจะมาจากภาษาตุรกีอีกคำหนึ่งว่า “tlbend” ก็เป็นได้


2.ฟาแลนนอปซิสพันธุ์




         ฟาแลนนอปซิสพันธุ์แท้จะมีดอกขนาดค่อนข้างเล็กจึงมีการปลูกเลี้ยงกันไม่มาก แต่ปัจจุบันกล้วยไม้สกุลฟาแลนนอปซิส ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์จนทำให้ได้ดอกที่สวยงาม ทั้งรูปทรงและสีของดอก เช่น ดอกกลมใหญ่ กลีบดอกหนา ดอกมีหลากหลายสีและมีลวดลายแปลกตา ฟาแลนนอปซิสมีดอกที่สวยงาม เลี้ยงง่าย โตเร็ว อีกทั้งยังสามารถนำมาผสมพันธุ์ได้หลายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นลูกผสมในสกุลฟาแลนนอปซิสด้วยกัน หรือผสมกับสกุลอื่น เช่น สกุลม้าวิ่ง (Doritis) สกุลแวนด้า (Vanda) สกุลรีแนนเธอรา หรือสกุลแมลงปอ (Arachnis) และยังพัฒนาสายพันธุ์เพื่อผลิตเป็นการค้าได้อีก สามารถนำดอกของฟาแลนนอปซิสมาเป็นดอกไม้ประดับแจกันหรือเป็นของขวัญในโอกาสสำคัญๆ จึงทำให้มีผู้คนนิยมปลูกเป็นจำนวนมาก
            การปลูกเลี้ยงฟาแลนนอปซิส ฟาแลนนอปซิสเป็นกล้วยไม้ที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว ใบค่อนข้างหนาซึ่งต้องระวังในเรื่องความชื้นที่มีมากไปก็จะทำให้ต้นและใบ เน่าได้ง่าย สามารถปลูกลงกระถางโดยการปลูกจะต้องให้โคนต้นและรากส่วนบน อยู่เหนือเครื่องปลูกขึ้นมา แต่อยู่ต่ำกว่าระดับขอบกระถาง ซึ่งจะดูสวยงามและป้องกันไม่ให้โคนต้นและโคนใบได้รับความชื้นมากเกินไปจนทำให้เน่า ฤดูที่เหมาะสมในการปลูกประมาณเดือนมีนาคม หรือก่อนเข้าฤดูฝน เพราะถ้าปลูกหลังจากที่เข้าฤดูฝนแล้วอากาศมีความชื้นสูง อาจทำให้กล้วยไม้อวบน้ำมากเกินไปจนเน่าได้ ดังนั้นจึงต้องควบคุมเรื่องน้ำและความชื้นค่อนข้างมาก หรือบางคนอาจปลูกโดยให้ต้นกล้วยไม้เกาะตอไม้หรือกิ่งไม้ก็สามารถทำได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดปัญหาน้ำฝนที่ตกลงมาขังในส่วนโคนต้นและใบได้ เพราะไม่มีเครื่องปลูกที่อมความชื้นไว้ น้ำที่ขังอยู่ที่ใบก็จะระเหยออกไปอย่างรวดเร็ว


3.บีโกเนีย




          บีโกเนียเป็นพืชสกุลใหญ่ จึงแบ่งออกเป็นพวกๆ โดยอาศัยรูปร่างของส่วน สะสมอาหารหรือรากเป็นหลักได้ดังนี้ คือ
1. บีโกเนียชนิดที่มีรากฝอย (Fibrous – rooted begonia) มีใบสีเขียวและสีน้ำตาลเป็นมัน ดอกออกเป็นช่อ มีทั้งสีขาว สีชมพู สีแดง และสองสี เช่น ขาวขอบแดง
2. บีโกเนียชนิดที่มีเหง้า (Rhizomatous begonia) ส่วนมากเป็นบีโกเนียที่ปลูกประดับใบ ใบมีสีสวยมีหลายแบบ เช่น รูปใบกลม รูปหัวใจ มีกลีบดอกชั้นเดียว
3. บีโกเนียชนิดที่มีหัว (Tuberous begonia) ดอกมีขนาดใหญ่ มีทั้งดอกชั้นเดียว และดอกซ้อน
            ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกตลอดปี การปลูก: ปลูกเป็นพืชคลุมดิน เป็นไม้กระถาง หรือ ไม้ในภาชนะแขวนก็ได้ การดูแลรักษา: ดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินร่วนซุย บริเวณที่มีแสงแดดรำไร รดน้ำปานกลาง อย่าให้แฉะ และควรรดปุ๋ยทางใบ ทุกๆ 2 สัปดาห์ ไม่ชอบอากาศหนาวเย็น

4.กุหลาบหนู




      กุหลาบหนู เป็นกุหลาบที่มีความสวยงามน่ารักและสดใส เป็นไม้พุ่ม สูง 20 - 50 เซนติเมตร ลำต้นมีหนาม ใบประกอบออกสลับ ใบย่อย 5 ใบ เป็นรูปรี ขอบหยัก ปลายแหลม โคงมน หูใบติดกับก้านใบ สีเขียวสด ดอก มีหลายสี เช่น สีแดง สีขาว สีชมพู และดอกเดียว 2 สี ออกเป็นดอกเดี่ยวๆที่ปลายยอด กลีบดอกมีทั้ง ชั้นเดียวและหลายชั้น มีกลีบดอกห้ากลีบ เกสรตัวผู้และตัวเมียแยกที่อยู่กัน ชนิดสองสี ปลาบกลีบดอก เป้นสีแดง โคนกลีบดอกเป็นสีขาว เวลาออกดอกบานจะดูสวยงามสดใสมาก ออกดอกตลอดทั้งปีกุหลาบหนูเป็นไม้กลางแจ้ง ปลูกได้ทั้งลงดินและปลูกลงกระถาง เป็นไม้ชอบแดดจัด ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ถ้าปลูกลงดินควรยกแปลงปลูกให้สูง ปลูกในกระถางควรทำทางระบายน้ำใหัไหลดี ตั้งในที่ที่มีแดดส่อง ถึงทั้งวันดินปลูกเพิ่มฟางแห้งหั่น ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก แกลบดำ แกลบดิบ คลุกให้เข้ากัน จากนั้นนำต้นลง ปลูก กลบดินโคนต้นให้แน่น ใช้ฟางแห้งคลุมหน้าดินไว้ บำรุงปุ๋ยขี้วัวขี้ควายแห้งโรยตามหน้าดิน 15 วัน ครั้ง จะทำให้ โตเร็วและมีดอกสวยงาม

5.อาซาเลีย




            อาซาเลียเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตอบอุ่นเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนที่อยู่ในเขตร้อน แต่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากและมีอากาศเย็นตลอดปี จึงเป็นการยากที่จะทำการปลูกเลี้ยงในพื้นที่ราบที่มีอุณหภูมิสูง แต่ก็มีบางพันธุ์ที่พอจะสามารถปรับตัวให้อยู่รอดและเจริญเติบโตผลิดอกได้ในสภาวะดังกล่าว แต่อาจจะต้องมีการปรับสภาพแวดล้อม อุณหภูมิ ความชื้น ฯลฯ เพื่อให้เอื้อต่อการเจริญเติบโตของอาซาเลีย

            อาซาเลียเป็นพืชที่มีรากขนาดเล็กและบอบบางมาก ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลเรื่องเครื่องปลูกเป็นอย่างดี เครื่องปลูกจะต้องอุ้มน้ำได้ดี ร่วนซุย และระบายน้ำได้ดีด้วยเพราะถ้าเครื่องปลูกแน่นมากรากจะชอนไชในเนื้อดินหรือเครื่องปลูกไม่ได้ทำให้ไม่เจริญเติบโต ที่สำคัญอาซาเลียเป็นพืชที่ชอบเครื่องปลูกที่มีสภาพความเป็นกรด ตามตำราต่างประเทศนั้นระดับความเป็นกรดของเครื่องปลูกที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของอาซาเลียอยู่ที่ 4.5-6.0 ดังนั้นในต่างประเทศการปลูกเพื่อจำหน่ายมักจะใช้พีทมอสเป็นเครื่องปลูกเนื่องจากว่ามีสภาพความเป็นกรด แต่จากประสบการณ์ เราสามารถหาเครื่องปลูกในบ้านเราแทนได้ ได้แก่ หน้าดินที่มีฮิวมัสสูงผสมกับแกลบ ขุยมะพร้าว ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ส่วนผสมอัตราส่วนเท่าไรก็ได้ตามที่เมื่อผสมมาแล้วได้เครื่องปลูกที่ร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และระบายน้ำได้ดีเป็นใช้ได้  

ขอบคุณที่มาจาก : https://sites.google.com/site/satrinakhonsawan/mi-dxk/midxk

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น